จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

เรื่องของดาว & ดวง......

ตำนานดวงดาว








ตำนานการก่อกำเนิดของดวงดาวต่างๆ ที่ไม่อิงหลักวิทยาศาสตร์


เอามาฝากให้อ่านกันเล่นๆ เสริมสร้างจินตนาการค่ะ


                                              
                                                                                                                       
                                                  
                          










ตำนานอียิปต์


ตามตำนานอียิปต์ โอซีรีส เป็นกษัตริย์ผู้ทรงคุณธรรม เป็นที่รักใคร่ของพสกนิกรยิ่งนัก ทรงมีพระมเหสีนามว่า ไอสิส พระนางไอสิส เป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์กว่าใคร โอซีรีส ทรงมีพระอนุชามากมาย พระอนุชาองค์รองของพระองค์นั้น ริษยาอาฆาต ต้องการที่จะเป็นใหญ่ จึงออกอุบายให้ช่างทำโลงศพ ที่ประดับประดาอย่างสวยงามอลังการ โดยแอบวัดขนาดองค์ของ โอซีรีส ให้พอดีกันอย่างเหมาะเจาะ แล้วก็เชิญชวนเหล่าพระเชษฐาอนุชา มางานเลี้ยงเพื่อชมความงามของโลงนั้น แล้วบอกว่า เป็นโลงที่สร้างอย่างงดงามที่สุด แต่จะมอบให้องค์ใดที่มีส่วนสัดเหมาะเจาะกับขนาด ทุกองค์ก็ต้องลองเข้าไปนอนดู เมื่อถึงคราว โอซีรีส เข้าไปในโลง พระอนุชาก็ตอกฝาโลงปิดสนิทจน โอซีรีสสิ้นพระทัยในโลง พระนางไอสิส กลับจากการเดินทางมาทราบข่าวก็โศกาอาดูร พยายามไปตามพระศพของ โอซีรีส ปรากฏว่า พระอนุชาได้ตัดพระศพเป็นสิบสี่ท่อนโยนทิ้งไปคนละทิศ พระนางไอสิส ก็ไปตามเก็บมาหมด ขาดส่วนที่สำคัญหนึ่งชิ้นคือ อวัยวะชาย ซึ่งถูกโยนลงแม่น้ำไนล์และถูกปลากินไป พระนางจึงเอาไม้สน ซึ่งเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอียิปต์ (คงเนื่องจากหาได้ยากในทะเลทราย) มาเหลาติดต่อให้เป็นเทวลึงค์ แล้วห่อพระศพด้วยผ้าลินินพันไปรอบๆ พร้อมด้วยกรรมวิธีต่างๆ อันเป็นแบบแผนของการทำมัมมี่ในยุคหลัง เสร็จแล้ว นางก็เป่าลมหายใจวิเศษ(บา) นำวิญญาณกลับคืนสู่ร่างมัมมี่ โอซีรีส ก็ฟื้นคืนองค์ ลอยขึ้นสู่สรวงสวรรค์ไปปกครองผืนฟ้า เป็นเจ้ามนุษย์หลังจากความตายไป ว่ากันว่า ปิรามิดเมืองกีซ่า นั้น สร้างขึ้นเพื่อเลียนตำแหน่งของ เข็มขัดโอไรอัน แต่จะจริงเท็จอย่างไรคงต้องรอพิสูจน์กันอีก






ตำนานพระจันทร์ 2 ดวง


นานมาแล้ว..สมัยที่โลกยังมีพระจันทร์ 2 ดวง


มีพระจันทร์ดวงหนึ่งเป็นผู้หญิงกับอีกดวงหนึ่งเป็นผู้ชาย


และพระจันทร์สองดวงนี้ต่างก็รักกันมาก ดวงจันทร์ทั้ง 2 ไม่เคยแยกห่างจากกัน


ทุก ๆ คืนเมื่อมองไปบนฟ้า จะเห็นดวงจันทร์ทั้งคู่อยู่เคียงข้างกันเสมอ






แต่แล้ววันหนึ่งดวงจันทร์ผู้หญิงได้ไปพบกับดวงอาทิตย์


ทำให้ดวงจันทร์หลงใหลในแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์


จนเลื่อนตัวตามดวงอาทิตย์ไป ทีละน้อย ๆ


จนแยกมาจากดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งในที่สุด






เมื่อค่ำคืนมาถึงจึงมีดวงจันทร์ผู้ชายเหลืออยู่เพียงดวงเดียว


ดวงจันทร์ดวงนั้นจึงได้แต่ตามหาดวงจันทร์ผู้หญิงไปทุกหนทุกแห่ง


คืนแล้วคืนเล่าผ่านไปดวงจันทร์ผู้ชายก็ไม่สามารถหาดวงจันทร์ผู้หญิงได้พบ


ด้วยความคิดถึงและอยากพบให้เร็วที่สุด ทำให้ดวงจันทร์ผู้ชายคิดว่า


“หากเรามัวแต่ตามหาอยู่อย่างนี้คงไม่ได้เจอแน่ๆ”


จึงตัดสินใจ…..ระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่วทั้งจักรวาล


เพื่อให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นออกตามหาดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งนั้น


………….............................






เมื่อเวลาผ่านไปทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงได้เห็นถึงความจริงว่า


แม้ดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้าสวยงามสักปานใด


แต่ดวงอาทิตย์ก็มิได้ส่องแสงเจิดจ้านั้นแต่เพียงตนเท่านั้น


ยังส่องแสงไปยังดวงอื่น ๆ อีกมากมาย


ดวงจันทร์จึงกลับมาหาดวงจันทร์ผู้ชายอีกครั้ง…


แต่หาเท่าไหร่ก็หาดวงจันทร์ผู้ชายไม่พบ


ต่อมาจึงได้รู้ว่า…






ดวงจันทร์ผู้ชายยอมระเบิดตัวเองเพียงเพื่อตามหาตนจนกระจัดกระจายเป็นเศษเสี้ยว เล็กๆ


ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงรู้ว่าไม่มีวันที่จะได้เจอกับดวงดาวผู้ชายอีกต่อไปแล้ว


จึงได้แต่โศกเศร้าเสียใจ






แต่ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ดวงจันทร์ผู้ชายมีต่อดวงจันทร์ผู้หญิง…


ทุกค่ำคืนจึงพยายามเปล่งประกายแสงที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของตนส่องให้ถึง


ดวงจันทร์ผู้หญิง


เกิดเป็นแสงพร่างพรายเต็มท้องฟ้าเคียงข้างดวงจันทร์


จนเกิดเป็นดวงจันทร์และดวงดาวให้เราเห็นจนถึงทุกวันนี้






สังเกตมั้ยว่า……


คืนใดที่ดวงจันทร์เต็มดวงจรัสแสงประกายเจิดจ้ามากที่สุด


คืนนั้นท้องฟ้าไร้ดวงดาว


แต่หากคืนใดที่เมฆน้อยบดบังดวงจันทร์ไปหมดสิ้น


ค่ำคืนนั้นเรากลับได้เห็นดวงดาวทอแสงเต็มท้องฟ้า






ตำนานดวงดาวกรีก


จากวีรกรรมที่ได้สังหาร นางมารเมดูซ่า เมื่อ เพอร์ซีอุส สิ้นชีวิตลงก็ได้ไปสถิตอยู่บนฟ้าเป็น กลุ่มดาว เพอร์ซีอุส ที่ในมือยังหิ้วหัวนางเมดูซ่าอยู่ ดาวที่มีชื่อมากใน กลุ่มดาวเพอร์ซีอุส คือ อัลกอล(Algol) ซึ่งเป็นชื่อมาจากภาษาอาหรับโบราณ Al Ghul ในความหมายเดียวกับภาษาอังกฤษว่า The Ghoul ในภาษาฮิบบรูของชาวยิว ก็เรียกดาวดวงนี้ว่า Rosh ha Sitan ซึ่งแปลว่า หัวของปีศาจ ชาวจีนมีหลักฐานบันทึกชื่อดาวดวงนี้ว่า Tseih She ซึ่งแปลว่า กองศพ ดาวดวงนี้ ถูกเรียกว่าเป็น ดาวปีศาจ มาแต่สมัยโบราณแล้ว ตำราโหราศาสตร์เชื่อว่า เป็นดาวที่นำโชคร้าย ชาวอียิปต์โบราณ เชื่อว่า ดาวดวงนี้มีวิญญาณ หรือ Khu(คู) สถิตย์อยู่ และก็เป็นชื่อที่เหมาะสมมาก นับแต่โบราณกาล อัลกอล เป็นดาวที่แปลกกว่าดาวดวงอื่น คือทุกๆ ๖๘ ชั่วโมง ๔๙ นาที มันจะหรี่แสงลงอย่างฉับพลัน ความหรี่แสงจะคงอยู่ประมาณ ๘ ชั่วโมง แล้วกลับสว่างขึ้นอย่างปุบปับเช่นกัน ในเวลาประมาณ ๓ วันเช่นนี้ ก็สั้นมากพอที่จะสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า(หากใช้กล้องส่องทางไกลจะเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น) เหมือนกับ ตาปีศาจ ที่ยังหลอกหลอนหมู่มนุษย์ มาชั่วกัปชั่วกัลป์ ในปี ค.ศ. ๑๗๘๒-๘๓ John Goodricke นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นผู้ค้นพบว่า อัลกอล เป็นระบบดาวคู่ ที่โคจรรอบจุดศูนย์กลางร่วม แต่ดาวดวงหนึ่ง ใหญ่กว่าอีกดวงมาก คือมีมวล ๓.๘ และ ๐.๘ เท่าของดวงอาทิตย์ตามลำดับ แล้วดาวทั้งคู่ ก็โคจรรอบกันและกัน เหมือนการหมุนของลูกตุ้มดัมเบลล์ ดาวดวงใหญ่กว่า ก็อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางร่วมมากกว่าดวงเล็ก บางครั้งดวงเล็กก็บังดวงใหญ่ ทำให้แสงหรี่ลงเล็กน้อย บางครั้งที่ดวงใหญ่บังดวงเล็ก แสงก็หรี่ลงมาก พอดาวที่บัง โคจรมาตัดหน้าเมื่อมองจากโลก แสงก็หรี่ลงอย่างฉับพลัน พอโคจรพ้นออกไป แสงก็สว่างจ้าขึ้น เนื่องจากเป็นคาบการโคจรที่แน่นอน จึงมีระยะเวลา หรี่แสง-จ้าแสง ที่แน่นอนตามไปด้วย ด้วยคาบการโคจรที่สั้นมาก ในเวลาไม่ถึง ๓ วันเท่านั้น จึงทำให้สังเกตได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลง นักดาราศาสตร์ เรียกระบบดาวคู่เช่นนี้ว่า Eclipsing binary คือเป็นระบบดาวคู่ที่คราสกันส่วนอันดรอเมด้า ก็ได้รับความเป็นอมตะ ได้เป็นกลุ่มดาวอยู่ไม่ไกลจาก เพอร์ซีอุส นัก ข้างๆนาง ก็มี กลุ่มดาว เพกาซุส ที่เพิ่งถือกำเนิดมาจากเลือดที่ไหลนองออกจากร่าง นางเมดูซ่าส่วนอันดรอเมด้า ก็ได้รับความเป็นอมตะ ได้เป็นกลุ่มดาวอยู่ไม่ไกลจาก เพอร์ซีอุส นัก ข้างๆนาง ก็มี กลุ่มดาว เพกาซุส ที่เพิ่งถือกำเนิดมาจากเลือดที่ไหลนองออกจากร่าง นางเมดูซ่าโดย เจ้าหญิง ก็ยังถูกตรึงอยู่กับก้อนหินชายหาด รอวีรบุรุษในดวงใจของเธอมาช่วยชีวิต จากเงื้อมมือของอสูรร้าย ที่กลายเป็นกลุ่มดาวเซตัส อยู่ไม่ห่างไกล คอยจ้องจะขย้ำนาง ไล่ตามกันไปรอบดาวเหนือ แต่พระเอกของเรา ก็บินลอยฟ้าตามมาไม่ห่าง คอยคุ้มครองปกป้องสาวงามผู้เสียขวัญ เป็นนิยายรักให้ชาวโลกชื่นชมชั่วกาลนาน






เทพกรีกที่เกี่ยวข้องกับชื่อดาว


Phoibos (Apollo ดวงอาทิตย์) เทพแห่งดวงอาทิตย์และแสงสว่าง ลูกชายซุสกับ Leto (ธิดาของ Coeus กับ Phoebe) มีรูปงามที่สุดในบรรดาเทพบุตร มีธนูเงินเป็นอาวุธ โปรดบทกวีและดนตรี(ชอบเป่าขลุ่ย) ได้สมญา ว่า ผู้ฆ่าสุนัขป่า มีสัญลักษณ์คือ ต้น Laurel และไก่






Artemis(Diana,ดวงจันทร์) เทพีแห่งป่า, การล่า และความอุดมสมบูรณ์ ฝาแฝดของ Helious รักษาพรหมจรรย์ ไม่แต่งงานกับใคร ชอบขี่ม้า มีธนูเงินเป็นอาวุธ บางครั้งมีอารมณ์ร้ายและเลือดเย็น ตามประสาสาวโสด






Hermes หรือ มีชื่อในภาษาลาตินว่า Mercury{เป็นที่มาของชื่อดาวพุธ Mercury และปรอท} เทพแห่งการค้าและการโจรกรรม เป็นเทพเดินสารประจำตัวซุส บุตรของซุสกับ Maia(ธิดา Atlas เทพธิดาแห่งการเจริญเติบโต) สวมหมวกและรองเท้ามีปีก ทำให้หายตัวและเหาะได้






Aphrodite หรือมีชื่อในภาษาลาตินว่า Venus {เป็นที่มาของชื่อดาวศุกร์ Venus} เทพีแห่งความรักและความงาม เกิดจากฟองคลื่นในทะเล มีสัญลักษณ์คือ หงส์






Ares หรือ ในชื่อลาตินว่า Mar {เป็นที่มาของคำว่า ดาวอังคาร Mar และเดือนมีนาคม March} เทพแห่งสงคราม บุตรของซุสกับเฮรา มีนิสัยโหดร้าย ชอบกลิ่นคาวเลือด เป็นที่เกลียดชังของมนุษย์และเทพ มีสัญลักษณ์คือ สุนัข มีบุตร 2 องค์คือ Phobos(ความกลัว) กับ Deimos(ความสยดสยอง) มักจะติดตามออกศึกกับบิดาเสมอๆ {ต่อมากลายเป็นชื่อดวงจันทร์ 2 ดวงของดาวอังคารไป}






ซุส (Zeus- เทพแห่งสวรรค์ ท้องฟ้า ) หรือชื่อในภาษาลาตินว่า Jupiter {เป็นที่มาของชื่อดาวพฤหัส Jupiter} เจ้าแห่งฝนฟ้าอากาศ มีสายฟ้าเป็นอาวุธ มีสัญลักษณ์คือ ต้นโอ๊ค และนกอินทรี






ยูโรปา(Europa) เป็นลูกสาวของ Agenor และเป็นคนรักอีกคนของซุส โดยซุสได้แปลงกายเป็นวัวสีขาวไปพบยูโรปาที่ชายทะเล วัวซุสได้เข้าหายูโรปาด้วยท่าทางที่เชื่องและคุ้นเคยกับมนุษย์ วัวซุสได้คะยั้นคะยอให้ยูโรปาขี่หลังของมัน และทันใดนั้นวัวซุสได้ว่ายข้ามทะเลไปยังเกาะครีต และแปลงกายกลับเป็นเทพตามเดิม และอยู่กินกับยูโรปา จนให้กำเนิด ลูก 3 คน คือ Minos, Sarpedon และ Rhadamanthys ซุสได้ให้ของวิเศษ 3 อย่างแก่ ยูโรปาคือ มนุษย์สัมฤทธิ์ Talos ทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ตัวเธอ , หมา Laelaps ที่ไม่เคยพลาดจากเหยื่อของมัน และหอกซัดที่ไม่เคยพลาดเป้า ต่อมายูโรปาได้อภิเษกกับพระราชาแห่งเกาะครีต Asterius {ชื่อของเธอ ถูกกาลิเลโอ นำมาตั้งเป็นชื่อดวงจันทร์ของดาวพฤหัส และสันนิษฐานว่า อาจเป็นที่มาของชื่อทวีปยุโรป}

ไม่มีความคิดเห็น: